Monday, August 13, 2007

Interview with Brian Greenwald Part 1

บทสัมภาษณ์ต่อไปนี้ เป็นตอนที่ 1 จาก 3 ตอน ซึ่งถอดมาจากการอัดเสียงการสัมภาษณ์ Brian Greenwald ณ วันที่ 11 กรกฏาคม ที่ผ่านมา

คำสัมภาษณ์อะโกลโค ส่วนที่ 1 ใน 3

การสัมภาษณ์นี้ดำเนินการโดย ไมค์ คลิงเกลอร์ (Mike Klingler) จาก เดอร์ลีดเดอร์บล็อก (www.TheLeaderBlog.com) โดยมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ
หนึ่ง , การแนะนำ ไบรอัน กรีนวาลด์ (Brian Greenwald) ผู้ร่วมก่อตั้ง Agloco ให้เป็นที่รู้จักต่อเหล่าสมาชิก โดยไบรอันได้บอกเราว่า ทำไมเขาจึงเข้าร่วมกับ Agloco และพวกเขามีแผนในการ “เปลี่ยนอินเทอร์เน็ต” ไปตลอดกาลได้อย่างไร
สอง , ไบรอัน ได้ตอบข้อซักถามที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ในเรื่องของแผนการดำเนินงานทั้งในระยะสั้น และระยะกลางของอะโกลโค่
โดยใน 30 วินาทีแรกไม่ได้ทำการบันทึกเสียงไว้ แต่ได้เริ่มเมื่อไบอันได้ตอบคำถามว่า เขารู้จักและได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Agloco ได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม บทสัมภาษณ์นี้มีทั้งสิ้น 3 ส่วน ซึ่งต้องใช้เวลาในการถอดพอสมควร ซึ่งไมค์จัดทำขึ้น สำหรับสมาชิกที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก รวมถึงผู้ที่อาจไม่สามารถฟังเสียงสัมภาษณ์ได้เข้าใจ แต่ก็สามารถเข้าใจจากการแปลในครั้งนี้ได้

เราแนะนำให้ทุกคนฟังเสียงสัมภาษณ์ โดยตรง เพื่อจะได้เห็นเข้าใจและเห็นภาพในสิ่งที่ไบรอันอธิบาย

บทสัมภาษณ์ ส่วนที่ 1 ใน 3
(ไบรอันตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการที่เขารู้จักและเหตุใดจึงเข้าร่วมกับ Agloco)

ไบรอัน ตอบ : เอ.เค. มาวานี (A.K. Mavani) ได้ทาบทามผมและผมเองก็เห็นว่าเป็นความคิดที่ง่ายและได้ผล และเหตุผลใหญ่ที่สุดก็คือ ความคิดนี้ออกมาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ซึ่งเป็นบ่อเกิดของแนวความคิดด้านธุรกิจมากมาย ซึ่งเราเห็นได้ทั่วไป โดยเพียงแค่ปรับปรุงเทคโนโลยีในปัจจุบันอีกเล็กน้อย หรือ ทำสิ่งใหม่จากของเดิมที่มีอยู่เท่านั้นเอง แต่ก็เป็นแนวความคิดที่มีศักยภาพ ที่ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนวงการอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเล่นอินเทอร์เน็ตเลยทีเดียว
ยิ่งกว่านั้น เอ.เค. บอกผมและอธิบายเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ด้านอินเทอร์เน็ตอีกเล็กน้อย เกี่ยวกับการที่ บริษัทด้านอินเทอร์เน็ตได้กอบโกยเงินจำนวนมหาศาล จากการมีจำนวนผู้เล่นอินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ยในเวบมาก ซึ่งมันใช้ได้ผลดี อาทิ การให้บริการจักรกลค้นหาแบบฟรีๆก็ดีเพียงพอแล้ว แต่จากการขยายตัวของแหล่งเงินทุนมาสู่ธุรกิจในอินเทอร์เน็ตมากขึ้นนั้น ทำให้หลายๆบริษัทต่างร่ำรวยจากข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น คำว่าฟรีจึงไม่เพียงพออีกต่อไป “ของฟรีจึงกลายเป็นของแพง”ในที่สุด (Free has become too expensive) และแน่นอนว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกกำลังตาสว่าง และตระหนักว่าพวกเขามีคุณค่าแค่ไหน และเราก็เล็งเห็นถึงช่องทางในการแบ่งปันรายได้ จากการปฏิวัติอินเทอร์เน็ตในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ก็เริ่มขยับตัว ไม่ว่าจะเป็น ไมโครซอฟท์ ยูทูป และอีกมากมาย มีการพูดถึงเรื่องนี้ และผมก็คิดว่าพวกเขาเอง ก็เห็นแต่เนิ่นๆเช่นกันว่า การแข่งขันเพิ่งเริ่มต้น และนี่เป็นสิ่งที่กำลังจะเป็นไปในอินเทอร์เน็ต
ไม่ใช่แค่บริษัทด้านอินเทอร์เน็ตเท่านั้นที่กำลังสนใจ แต่คุณอาจเคยเห็นสื่อในเวบเริ่มพูดถึง Agloco และการแบ่งปันรายได้กันบ้างแล้ว ซึ่งเราได้ถูกเขียนถึงใน Red Herring ของ Economist Technology Quaterly เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และที่ผมยังไม่ได้โพสต์ให้ใครเห็นเลยก็คือ Le Monde หนังสือพิมพ์ของฝรั่งเศส ที่เพิ่งเขียนถึงพวกเราเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และผมก็กำลังจะโพสต์ลิงก์ลงไปในบล็อกฉบับต่อไป
แต่จุดที่สำคัญก็คือ ดูเหมือนทุกคนกำลังเริ่มเข้าใจโลกแห่งความจริงในข้อนี้ และมันได้เวลาแล้ว ก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งกว่านั้น เอ.เค. ให้โอกาสผมได้เข้าร่วมกับแนวความคิดนี้ โดยเป็นส่วนหนึ่งแห่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ และสิ่งที่ Agloco แตกต่างจากที่อื่นสำหรับผมก็คือ การมีโอกาสร่วมในการเป็นผู้นำของแผนธุรกิจลักษณะนี้ ซึ่งเท่าที่ผมรู้ นี่เป็นแนวคิดที่ค่อนเป็นเอกลักษณ์ และผมก็ทราบมาว่า มันได้ถูกสร้างและพยายามพัฒนาให้เป็นรูปเป็นร่างมาแล้วระยะหนึ่ง ด้วยความตั้งใจอย่างแท้จริง
ซึ่งดูได้จาก สมาชิกจะไม่ได้แค่ส่วนแบ่งจากกิจกรรมต่างๆที่ทำเท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าของในบริษัท ทำให้มีโอกาสรับส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งมันยุติธรรมมากสำหรับสมาชิก ที่เล่นอินเทอร์เน็ตมากเท่าไหร่ก็ได้ส่วนแบ่งมากเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีบุคคลอ้างอิงมาก และใช้บริการต่างๆ และสร้างมูลค่าให้กับเครือข่ายนั้น ก็ย่อมมีรายได้มากขึ้น สำหรับผมมันยุติธรรมมากและเป็นเหตุผลหลักว่า ทำไมเราจึงสร้างมันขึ้นมาและเดินหน้าไปตามทางของเรา เหตุผลหลักอีกอย่างที่ทำให้ผมตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายในบริษัทนี้ก็คือ มันเป็นความคิดที่เป็นความจริงได้นั่นเอง

ในมุมมองส่วนตัวของผม หลังจากอ่านข้อคิดเห็นจากสมาชิกที่ได้โพสต์ในบล็อก (blog.agloco.com) ผมพบว่า สมาชิกบางคนกล่าวว่า Agloco เป็นระบบสมาชิกหลายชั้น (Multi-Level) ขณะเดียวกันก็คาดหวังถึงระบบอ้างอิงสมาชิกในรูปแบบนั้น ซึ่งในความคิดส่วนตัวของผม Agloco ไม่ใช่อะไรที่ใกล้เคียงกับ เอ็มแอลเอ็ม (Multi-Level-Marketing)เลย ซึ่งมาจากเหตุผลหลายประการ คือ หนึ่ง เราไม่ได้ขายสินค้า แต่เราแค่ชักชวนคนที่เล่นอินเทอร์เน็ตอยู่แล้วให้เข้าร่วมแบบฟรีๆเท่านั้น
คนที่มีความคิดเห็นส่วนตัวที่เชื่อว่านี่คือการปฏิวัติ คนที่เชื่อว่าเขามีคุณค่า และคนที่เชื่อว่าพื้นที่หน้าจอของเขามีมูลค่าเฉกเช่นเดียวกับป้ายโฆษณา โดยที่เขาควรได้ผลตอบแทนจากการให้บริษัทโฆษณาใช้พื้นที่ส่วนตัวนั้น อีกทั้ง คนที่ต้องการได้ประสบการณ์จากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นอินเทอร์เน็ตส่วนตัว และคนที่เชื่อว่าข้อมูลส่วนตัวมีมูลค่าแต่ควรถูกเก็บไว้เป็นส่วนตัว ซึ่ง Viewbar คือตัวเชื่อมของความคิดเหล่านั้นเพื่อให้ทุกคนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้
เรายังหวังอีกว่า เราได้ปรับปรุงความสามารถของ Viewbar อย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นทุกวันๆ เพื่อรองรับประสบการณ์การเล่นอินเทอร์เน็ตของแต่ละบุคคล รวมถึง รายได้และหุ้นส่วน ซึ่งผมได้เคยกล่าวไว้แล้ว
อีกทั้งการมีส่วนในการใช้โอกาสนี้ผลักดันแนวความคิดให้เดินหน้าต่อไป ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นจังหวะเวลาที่ควรทำก่อนที่คนอื่นจะลงมือ และเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมต้องการมีส่วนร่วมและตื่นขึ้นมาในทุกเช้าเพื่อจะไปทำงานกับมัน

ไมค์ คลิงเกลอร์ ถาม :น่าตื่นเต้นมากครับ และผมเชื่อว่าพวกคุณต่างกำลังทำหลายสิ่งที่ควรทำและได้ทำไปบ้างแล้ว และผมทราบมาว่าล่าสุด คุณได้กล่าวถึงบางอย่างที่น่าสนใจอย่างมาก เกี่ยวกับ เครือข่าย คุณช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้มั้ยครับ ว่ามันถึงไหนแล้ว

ไบรอัน ตอบ :แน่นอน แต่ต้องขอโทษถ้าผมพูดอะไรเรื่อยเปื่อยไปบ้าง เพราะผมกำลังตื่นเต้นกับหลายสิ่งหลายอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

ไมค์ คลิงเกลอร์ :
ไม่เป็นไรครับ ตามสบาย

ไบอัน :ผมขอย้อนกลับไปตอนเริ่มปล่อย Viewbar เล็กน้อยนะครับ ตอนนั้นเราไม่ได้คาดการณ์ถึงสิ่งที่ไม่ควรเกิดเอาไว้ ดังนั้นใน 2 สัปดาห์แรก เราจึงง่วนกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เราพบจากการเริ่มใช้งาน ซึ่งมันทำให้เวบไซต์ไม่ค่อยมีเสถียรภาพเท่าไหร่ เราจึงเพิ่มช่องทางการดาวน์โหลดไปไว้ที่ Tucows.com ด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องแก้ไขบั๊กหลักๆที่เกิดในวิวบาร์ที่สมาชิกได้ประสบ และเราก็พยายามที่จะให้โฆษณามันหมุนเวียนให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายเราอย่างมาก และเป็นปัญหาหลักๆ 2 อย่างที่พบในขณะนั้น
อย่างแรกก็คือ ข้อผิดพลาดที่โฆษณาไม่ยอมเปลี่ยน ซึ่งปัญหามาจากฝั่งเครื่องแม่ข่ายโฆษณา ซึ่งมันเป็นส่วนที่เราทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่เราก็พยายามมากที่สุดที่ทำได้ในขณะนั้น และปัญหามันไม่ได้เกิดจากเครื่องแม่ข่ายโฆษณาเพียงอย่างเดียว เราเองก็ยังไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง ในการทำให้บริษัทที่เพิ่งเริ่มต้นกับแนวความคิดนี้สามารถก้าวอะไรได้มากมายนัก
อย่างที่สอง มีเพียงสมาชิกบางรายที่พบปัญหา ซึ่งถ้าเป็นคนที่ทำงานด้านคอมพิวเตอร์ย่อมรู้ว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจำลองและแก้ปัญหากับสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน
แต่สิ่งที่เราได้ทำไปก็คือให้มันดำเนินต่อไป และผมก็ได้พูดเอาไว้ในข้อความ 1 หรือ 2 ฉบับที่ได้โพสต์ไว้ในบล็อก ว่า เราจะพัฒนาเป็น 3 ระยะด้วยกัน ซึ่งบางช่วงเวลาอาจซ้อนกัน และเราก็หวังว่าในอีกไม่กี่เดือนเข้าหน้าเราจะเห็นอะไรที่คืบหน้าอย่างมาก
สิ่งแรกที่ผมได้กล่าวไว้ก็คือ เวบที่เสถียร ซึ่งผมคิดว่าเราได้ทำหลายอย่างไปแล้วและลุล่วงไปด้วยดี แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่ต้องทำต่อไป หนึ่งในนั้นก็คือปัญหาในเรื่องของโฆษณาที่ยังไม่เปลี่ยนข้อความในสมาชิกทุกคน
จากนั้นระยะที่สอง จะเป็นการแบ่งปันรายได้จากการใช้วิวบาร์ และระยะที่สาม ซึ่งผมจะกล่าวถึงต่อไปก็คือ การจ่ายเงินให้กับสมาชิก ซึ่งทั้งสามระยะมีเวลาที่เหลื่อมกันอยู่ ซึ่งเราคงเริ่มเห็นผลในอีกไม่ช้านี้

แน่นอนว่า การปรับปรุงในเรื่องของรายได้ จะยังคงดำเนินเนินต่อไปหลังจากที่สมาชิกเริ่มใช้งานกันแล้ว
โดยสมาชิกหลายคนได้พบแล้วถึงปัญหาของการทำงานในแม่ข่ายโฆษณาที่ต้องรองรับงานที่หนักหน่วง ทำให้เราต้องปรับการทำงาน จากเดิมที่พยายามให้โฆษณาปรับเปลี่ยนทุก 30 วินาทีออกไป และเพื่อลดการทำงานที่หนักหน่วงลง ผมเชื่อว่าขณะนี้ โฆษณาได้เปลี่ยนเป็นแสดงผลทุก 3 นาทีแทน แต่ก็ยังมีบางคนที่พบปัญหาในการหมุนเวียนของโฆษณาอยู่ดี
โดยปัญหานี้ ทำให้เรามีความลำบากในการเชื่อมเครือข่ายโฆษณากับเจ้าอื่นๆมากขึ้น รวมถึงเป้าหมายในการแสดงผลโฆษณาอีกด้วย
นอกจากนี้ ผมเชื่อว่าสมาชิกบางคนคงจำได้ว่า เราเลื่อนการปล่อยวิวบาร์จากเดือนเมษายน เป็นพฤษภาคม และมิถุนายนในที่สุด ซึ่งมันทำให้เราต้องกลับมาคิดถึงกลยุทธ์บางอย่างของเราเช่นกัน
ในฐานะมือใหม่ ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า แม้การเรียนในมหาวิทยาลัยได้สอนว่าการมีแผนธุรกิจนั้นสำคัญ แต่การมีความยึดหยุ่นอันจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องบนสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน
ซึ่งเราเลือกที่จะทำมัน โดยในบล็อกล่าสุดที่ผมประกาศไปว่าจะมีการเปลี่ยนระบบนั้น ก็เป็นสิ่งหนึ่งในหลายสิ่งที่เราจะทำ จากความยึดหยุ่นนี้

อย่างแรก ก็คือ การทำให้เครื่องแม่ข่ายโฆษณามีความแข็งแรงขึ้นและขยายได้ โดยได้ตัดบางสิ่งที่เคยจำเป็นออกไป เพื่อให้เราสามารถกำหนดการแสดงโฆษณาได้ และสามารถบรรลุเงื่อนไขของรายได้ในที่สุด (โดยแยกเป็นแต่ละประเทศ) ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ระบบการแบ่งรายได้ทำได้ดีขึ้น และมันทำให้เราตื่นเต้นกับผลลัพธ์เป็นอย่างยิ่ง
โดยในระบบใหม่นี้ เราหวังว่าจะเห็นได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ ขณะเดียวกันเราก็เดินหน้ากับการแบ่งรายได้ให้บรรลุตามที่สัญญาไว้ แต่น่าเสียดาย ที่ผมไม่สามารถบอกถึงรายระเอียดเรื่องนี้ได้ เพราะมันเป็นเรื่องปกติของบริษัททั่วไป ที่จะไม่แพร่งพรายข้อมูล เพื่อไม่ให้รู้ถึงหูคู่แข่ง หรือแม้แต่คู่ค้าซึ่งกำลังสนใจเราอยู่ที่จะใช้นำมาต่อรองได้ ถึงแม้ผมอยากจะบอกสมาชิกให้รับทราบว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นก็ตาม น่าเสียดายจริงๆครับ

ไมค์ คลิงเลอร์ :
จริงครับ สิ่งที่คุณเพิ่งกล่าวมา ผมเองก็เคยอยากทราบ รวมถึงอีกหลายคนที่อยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร กำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นนับจากนี้ ซึ่งมันจะทำให้ทุกคนเข้าใจและตื่นเต้นกับมัน แต่สิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่นั้น ผมอยากจะบอกว่า ผู้คนต้องการเห็นคุณสื่อสารในบล็อกให้ทราบความคืบหน้าเป็นประจำ แม้ว่ามันอาจทำให้คุณเสียเวลาไปบ้าง ซึ่งเรื่องของการสร้างรายได้และพบประสมาชิกบ้าง คุณทำให้มันเป็นจริงโดยเร็วได้มั้ยครับ

ไบรอัน กรีนวาลด์ :
แน่นอนครับ และสำหรับผู้ร่วมฟังทุกท่าน ผมและไมค์ได้คุยกันคร่าวๆเมื่อคืนก่อน เพื่อเตรียมหัวข้อสำหรับพูดคุยในครั้งนี้ และผมได้บอกเขาไปแล้วและขอประกาศในที่นี้เลยว่า ผมจะหันไปทุ่มเทเวลาในส่วนของรายได้สมาชิกมากขึ้น เพื่อช่วยให้การทำงานในชุมชนแห่งนี้บรรลุเป้าหมายในหลายๆวิธี และมันต้องใช้เวลามากพอสมควร จนทำให้ผมต้องเปลี่ยนบทบาทเล็กน้อยในบล็อกแห่งนี้ ซึ่งผมจะประกาศในข้อความถัดไปให้ทราบ

อย่างไรก็ตาม ผมยังคงเป็นผู้ดูแลบล็อกอยู่ เพียงแต่ว่า จะมีสมาชิกในทีมคนอื่นๆ ที่จะพลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเขียนข้อความ แต่คุณยังคงสามารถส่งคำติชมถึงผมได้ และผมจะอ่านมันแน่นอน แต่คงไม่สามารถตอบในบล็อกได้บ่อยครั้งนัก เพราะมันไม่ใช่แค่การอ่านกับตอบเท่านั้น แต่ต้องระมัดระมังถึงผลกระทบและความกังวลของสมาชิกและ Agloco เองด้วย ซึ่งผมคิดว่า ได้มีหลายสิ่งที่ได้เป็นรูปเป็นร่างไปแล้วใน Agloco และผมยังคงเฝ้ามองสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป จากหลายส่วนของบริษัท
ผมคิดว่า มันสมควรแก่เวลาแล้วหลังจากที่วิวบาร์เผยแพร่ไป และเริ่มรวบรวมรายได้จากพันธมิตร ซึ่งผมต้องใช้มันสมองทุ่มเทไปกับมัน เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะสามารถเริ่มจ่ายผลตอบแทนให้กับสมาชิกได้อย่างเร็วที่สุด

No comments: